อันนี้ตั้งใจเขียนให้เพื่อนๆที่อาจจะต้องใช้เวลารอบินนานๆ อาทิ บินเช้ามากๆ เลยมารอตั้งแต่คืนก่อนหน้า หรือบินมาถึงในเวลาที่การเดินทางสาธารณะหมดแล้ว แล้วต้องการเซฟค่าใช้จ่ายรอช่วงเช้าค่อยออกจากสนามบินนะคะ
ที่เขียนแต่ เทอร์มินอล 2 ไม่ได้ลำเอียงแต่ใดๆ แต่เนื่องจากมีโอกาสได้เดินสำรวจข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ไม่น้อยเลย เลยเก็บมาเขียนฝากค่า ส่วนเทอร์ 1 นั้น ส่วนตัวใช้บริการครั้งสุดท้ายตอนปี 2019 เลยไม่รู้ว่าตอนนี้มีอะไรเพิ่มไหม แต่ถ้าไม่มี คือเทอร์2 มีพื้นที่น่านั่งเยอะกว่ามากเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับคนที่บินที่เทอร์1 ก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะที่จริงสนามบิน มีรถไฟให้บริการฟรีตลอดวันระหว่างเทอร์มินอลอยู่นะคะ คนอาจจะไม่ค่อยได้พูดถึงน้อง
มาดู 4 จุดใหญ่ๆ ที่เราจะพักตัวพักใจชาร์จไฟได้กันดีกว่า...
1. ชั้น B1
ชั้น B1 ของเทอร์มินอล 2 จะเป็นชั้นที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าสนามบิน ซึ่งด้านนึงจะเป็นศูนย์อาหารค่ะ เราสามารถอาศัยนั่งพักแถวนี้ได้ตลอดคืน ตรงนี้มีที่ชาร์จไฟหลายจุดนั่งเลยค่ะ แล้วมีบางโซนที่เป็นเก้าอี้ยาว แต่น้องมีให้คนผอมๆหน่อยนะ^^ แต่ถ้าใครเดินทางกับน้องหนู ถือว่านอนสบายหน่อยสำหรับน้องๆเลยค่ะ ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็อาจจะต้องอาศัยเก้าอี้ต่อตัวกันไป..
ลงลิฟท์หรือบันไดเลื่อนมาที่ชั้น B1 แล้วจะเจอทางเข้าหน้าตาแบบนี้
โซนนี้ถ้าเลยเที่ยงคืนไป จะมีแต่ แมคโดนัลที่ยังเปิดอยู่นะคะ ร้านอาหารอื่นๆปิดหมดแล้ว แต่ก็ดีตรงก็นอนกันจริงจัง แข่งกันกรนเลยนะโซนนี้ นี่คือเรื่องจริง แสดงว่านอนสบายใช้ได้ และเป็นโซนที่ถือว่ามืดสุดใน 4 โซนที่จะเขียนถึงค่ะ
2.โซนชั้นลอยของชั้นขาออก Departure Hall
ขาออก Departure Hall ของเทอร์มินอล 2 จะอยู่ที่ชั้น 3 นะคะ หน้าตาที่คุ้นเคยเหมือนสนามบินทั่วไป แต่ถ้าเรามองไปด้านนึงของอาคาร(ฝั่งหน้ากว้าง) จะเห็นชั้นลอยอยู่ (ใช้ลิฟท์จะเป็นชั้น 4) ตรงนี้ขึ้นได้โดยลิฟท์แก้วตรงช่วงกลางๆอาคาร และลิฟท์ซ้ายขวา ที่จะเป็นลิฟท์ไซส์ใหญ่ ใครใช้รถเข็นกระเป๋าแนะนำมาขึ้นลิฟท์ฝั่งริมค่ะ ซึ่งจะอยู่แถวๆ เคาท์เตอร์เช็คอินที่ 6 และ 20 เลือกเอาว่าเดินทางไหนใกล้เนอะ
เห็นชั้นลอยตรงนี้ไหม... ด้านบนนี้ จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง เดินหากันได้ มีร้านอาหารอยู่ราวๆ 8 ร้าน แต่จะไม่ได้เปิดข้ามคืนนะคะที่นั่งสองฝั่งจะหน้าตาไม่เหมือนกัน สามารถจับจองนั่งได้ทุกที่เลยนะคะ ตรงนี้ที่เพียงพอ ได้นั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ
ฝั่งนี้ยังมีโซนที่นั่งสำหรับเด็กด้วยค่ะ
มาถึงจุดที่อยากนำเสนอ ก็คือชั้น 5 ที่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีตรงนี้ค่ะ โดยเราแบ่งเป็นเขียนแยกกันระหว่างโซนทิศใต้ เราใช้เรียกว่าฝั่ง Family Mart กับทางทิศเหนือ เรียกว่าฝั่ง 7-11 นะคะ
ก่อนอื่น ชั้น 5 ไม่ได้หาเจอง่ายๆ ชิลล์ๆ อย่างที่คิด เราต้องมาตั้งหลักที่ชั้น 3 ขาออกกันก่อน โดยไม่ว่าคุณจะมาจากขาเข้า(ชั้น1) หรือมาจากรถไฟฟ้าสนามบิน(ชั้นB1) ก็หาลิฟท์ซักตัวขึ้นมาที่ชั้น 3 ค่ะ (ลิฟท์จะขึ้นได้แค่ถึงชั้น 3 หรือ 4 เท่านั้นอยู่แล้ว)
เมื่อขึ้นมา คุณจะอยู่ที่ตัวอาคารทรงยาวๆ ที่มีเคาท์เตอร์เช็คอิน ให้คุณเดินมาทางเลขมากขึ้น โดยอาคารยาวจะมาถึงเคาท์เตอร์ที่ 20/21 แล้วเราจะเห็นตัวอาคารต่อเนื่องที่เปิดใหม่(ที่จริงไม่ได้ใหม่มากแล้วถึงตอนนี้) ชี้ไปที่คาท์เตอร์ที่ 22-26 / Sky train to T1(รถไฟฟ้าไปเทอร์มินอล1), Southside mall (มอลล์ทางทิศใต้) / Observatory (จุดชมเครื่องบิน)
ก็เดินเข้ามาโซนนี้เลยค่ะ แล้วจะเจอลิฟท์ที่สามารถขึ้นไปชั้น 5 ได้พอขึ้นมา เปิดลิฟท์มาคืออย่างว้าว... (ลิฟท์มองเห็นวิวด้านนอกด้วยนะๆ)
ไม่ต้องนอนแล้ว...เดินถ่ายรูปจ้า...^^ แซวๆ
บนนี้กว้างมากเลยค่ะ เราสามารถนั่งตรงไหนก็ได้นะคะ เลือกมุมเลย มีจุดชาร์จไฟเยอะอยู่ค่ะ เก้าอี้ยาวๆก็มีหลายชุด
แล้วก็อย่างที่เรียกว่า ฝั่ง Family Mart ก็ต้องมีร้านเนอะ ซึ่งก็จะเป็นร้านยืนหนึ่งเดียวที่เปิด 24 ชั่วโมงนะคะ ...ที่ตรงนี้มีพื้นที่ฝากตัว ฝากใจ และฝากท้อง..
มุมหันออกกระจกดูวิวเพลินๆก็มีนะคะ
4.ชั้น 5 ฝั่ง 7-11
ฝั่งนี้เด่นๆ ก็มีสตาร์บัคกับ 7-11 ค่ะ แต่ถ้าเปิดทั้งคืนก็แค่ 7-11 นะคะ
ฝั่งนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว เหมาะกับเด็กๆค่ะ เพราะมีโซนโต๊ะไซส์เด็กเยอะมาก รวมถึงมีอะไรที่เด็กๆน่าจะชอบเยอะอยู่ค่ะ
แต่ฝั่งนี้จากการสำรวจ จะมีที่ชาร์จไฟไม่มากเท่าฝั่งทิศใต้นะคะ
ทางฝั่งนี้ก็มีจุดออกไปชมเครื่องบินเหมือนกันนะคะ ส่วนที่มากกว่าฝั่งทิศใต้ก็คือ ฝั่งนี้มีห้องอาบน้ำค่ะ แต่ว่าไม่ได้ให้ใช้ตลอดวันนะคะ มีเวลาเปิดให้ใช้ 8:00-20:00 แค่นั้นค่ะ อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่อาบสบายมากเลย เราไปลองมาแล้ว ^^
ขอบคุนเจ้าของกะทู้ค่ะ
ตอบลบข้อมูลมีประโยชน์มากๆ ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ