อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ 太魯閣國家公園 (ไท่หลู่เก๋อกั๋วเจียกงหยวน)
เป็นสถานที่ๆได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆอีกที่หนึ่งในไต้หวัน และเป็นสถานที่ที่ต้องทำการบ้านไปเป็นพิเศษมากกว่าสถานที่อื่นๆนิดนึง เพราะถ้าเทียบกับ ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ อาลีซานแล้ว การเดินทางนั้นมีรายละเอียดมากกว่าพอสมควรค่ะ หลักๆคงมี 2เรื่อง คือ
1。การมาที่ไท่หลู่เก๋อ(Taroko)นั้น ต้องเดินทางมาทางภาคตะวันออก ที่จังหวัด ฮวาเหลียน 花蓮 HuaLien ซึ่งตัวเลือกในการเดินทางสาธารณะนั้นมีเพียงรถไฟTRA และเครื่องบิน ซึ่งผิดกับลงเที่ยวไปทางภาคกลางหรือใต้ ที่มีทั้ง รถไฟความเร็วสูงHSR รถไฟTRA รถบัส และเครื่องบิน ทำให้การมาที่ฮวาเหลียนจากไทเปนั้น ต้องมีการทำการบ้านเรื่องการจองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้า เพราะอาจจะได้ยินชื่อเสียงเรื่องการซื้อตั๋วรถไฟไปฮวาเหลียนไม่ได้บ่อยๆ
2。การเดินทางเข้าสู่จุดที่เที่ยวด้วยบัสที่ไท่หลู่เก๋อนั้นเป็นจุดๆ และมีสถานที่ๆควรแวะหลายจุด ซึ่งต้องทำการบ้านตั้งแต่ ความเข้าใจเกี่ยวกับแต่ละจุดว่ามีอะไรที่ตนเองสนใจมั๊ย รวมถึงเวลารถด้วย ต่างกับการไปทะเลสาบสุริยันจันทราหรืออาลีซาน ซึ่งมีเพียงขึ้นที่ท่ารถต้นสาย และลงที่สถานีที่ปลายสายเลย
รีวิวอันนี้ เบสท์เขียนขึ้นมาเพราะหวังว่าจะช่วยเพื่อนๆที่ไม่ต้องการเหมารถเที่ยว
มีข้อมูลในการทำการบ้านได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
(ถ้ามีถึง4ท่าน แนะนำเช่ารถจากไทเปไป-กลับ ก็จะเหนื่อยน้อยแล้วไม่ต้องทำการบ้านอีกเยอะค่ะ)
ออกเที่ยวกันดีกว่าจ้าาาาา
อ่าวววว...ไหนว่าเลื่องลือเรื่องไม่มีที่นั่ง แล้วทำไมรถไฟมันโล่งขนาดนี้เน้อออคำตอบคือ อันนี้คือรถไฟ TRA 區間ชวีเจียน ให้เข้าใจง่ายๆก็คือ Local Train นั่นเองค่ะ เบสท์ชอบนั่งชวีเจียน เพราะราคาถูกและเป็นคนไม่ชอบจองตั๋วรถไฟก่อน จะรู้สึกกดดันเรื่องเวลา แล้วก็ชอบนั่งติดหน้าต่างชมวิว ก็เลยใช้บริการเจ้าชวีเจียน รถไฟ Local นี้บ่อยๆ โดยปกติเบสท์จะแพลนโปรแกรมของตัวเองแบบไม่ต้องนั่งรถยาว อย่างรอบที่ไปฮวาเหลียน เบสก็แวะเที่ยวจังหวัดอี๋หลันก่อน ทำให้วันรุ่งขึ้นที่จะไปฮวาเหลียน ถึงจะนั่ง Local Train ก็ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เพื่อนๆคนไหนมีเวลาก็อยากให้แวะเที่ยวอี๋หลันสัก 1วัน1คืน นะคะ ที่อี๋หลันก็มีสถานที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ทั้งสวนสาธารณะจิมมี่เหลียว ศูนย์อนุรักษ์ศิลปะโบราณแห่งชาติคลิ๊ก แหล่งน้ำแร่เจียวซี ตลาดกลางคืนหลัวตง ถ้าเป็นแพลนแบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถไฟไปฮวาเหลียนเลย
นั่งรถไฟขบวนชวีเจียนไม่ยุ่งยากค่ะ เพื่อนๆนำไปใช้ได้กับการเดินทางทั่วไต้หวันเลยนะคะ
อย่างด้านล่างนี้ คือรายละเอียด จาก อีหลัน ไป ฮวาเหลียน (ค่าโดยสาร 143NT)
(ใช้ดูคร่าวๆนะคะ นานๆไปอาจจะมีเปลี่ยนแปลง เช็คได้จาก TRA ไต้หวัน คลิ๊ก นะคะ)
ขบวน 4102 ออกจากอีหลัน(Yilan) 05:32 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 07:12 ใช้เวลา 1.40 ชั่วโมง
ขบวน 4108 ออกจากอีหลัน(Yilan) 06:09 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 07:49 ใช้เวลา 1.40 ชั่วโมง
ขบวน 4114 ออกจากอีหลัน(Yilan) 06:44 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 08:34 ใช้เวลา 1.50 ชั่วโมง
ขบวน 4124 ออกจากอีหลัน(Yilan) 07:38 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 09:17 ใช้เวลา 1.39 ชั่วโมง
ขบวน 4102 ออกจากอีหลัน(Yilan) 09:28 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 11:27 ใช้เวลา 1.59 ชั่วโมง
ขบวน 4032 ออกจากอีหลัน(Yilan) 12:32 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 15:55 ใช้เวลา 1.23 ชั่วโมง
ขบวน 4184 ออกจากอีหลัน(Yilan) 15:27 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 17:16 ใช้เวลา 1.49 ชั่วโมง
ขบวน 4108 ออกจากอีหลัน(Yilan) 17:53 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 19:34 ใช้เวลา 1.41 ชั่วโมง
ขบวน 4114 ออกจากอีหลัน(Yilan) 18:27 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 19:56 ใช้เวลา 1.29 ชั่วโมง
ขบวน 4228 ออกจากอีหลัน(Yilan) 19:40 - ถึงฮวาเหลียน(Hualien) 21:30 ใช้เวลา 1.50 ชั่วโมง
เบสท์พิมพ์ ขบวนที่เป็น local มาให้หมดเลยนะคะ เผื่อเพื่อนๆบางท่านไปแมทกับทริปแบบอื่นได้ อย่างเที่ยวอี๋หลันเสร็จก็ไปต่อ
ฮวาเหลียนเลย ค้างที่ฮวาเหลียนแล้วเที่ยวไท่หลู่เก๋อวันรุ่งขึ้น อะไรแบบนั้นอาจจะใช้บริการขบวนช่วงเย็นๆ ก็ลองดูได้อ่ะค่ะ
ถ้าต้องการขึ้นจากสถานีหลัวตงLuodong +ไปอีกประมาณ 12นาทีค่ะแต่ขึ้นต้นสายน่าจะได้เลือกที่นั่งมากกว่าแต่ขึ้นหลัวตงก็คิดว่ายังพอมีที่นั่งค่ะ(Luodong - Hualien ค่าโดยสาร 130NT)
ไปถึงสถานี ดูเลขขบวนที่เราจะนั่ง ว่าเทียบที่ชานชลาที่เท่าไหร่ ก็ใช้ Easy Card หรือ I-Pass ตึ๊ดๆเข้าสถานีไปได้เลยค่ะ ขึ้นตู้ไหน นั่งตรงไหนก็ได้ค่ะ มีที่นั่งแน่นอน เพราะขบวนส่วนใหญ่เริ่มที่สถานีอีหลันเอง มีน้อยขบวนมากเริ่มที่สถานีอื่นแต่ก็จะมีคนนั่งมาไม่เยอะค่ะ คนจะมาขึ้นกันเยอะก็ที่อีหลันนี่ล่ะ แต่ก็ไม่เยอะมากนะคะเพราะคนที่ใช้รถไฟ Local จะเป็นคนไต้หวันเอง ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
ที่จริงนอกจากขบวน Local มีบางขบวนที่เป็น Express อย่าง 404 , 272 ,208 ที่เราจะขึ้นก็ได้นะคะ แต่คิดว่าอาจจะไม่มีที่นั่ง ถ้าชอบเวลาก็ลองขึ้นดูเผื่อมีที่นั่งก็ได้นะคะ โดยใช้ ตึ๊ดๆเข้าสถานีเหมือนกันโดยเราจะเสียค่าโดยสารเท่านั่ง Local เท่านั้น เพราะเราถือว่ายอมยืนไป ถ้ามีที่นั่งบ้างบางช่วงก็โชคดีไป
แต่การเสี่ยงขึ้นขบวน Express ก็ต้องมองดีๆ เพราะเราขึ้น Express ได้แค่ขบวนที่เป็น จื้อเฉียง自強 (Tze-Chiang) ได้เท่านั้นนะคะ ขบวน Express ที่เป็น 普悠瑪Puyuma กับ 太魯閣Taroko ขึ้นไม่ได้นะคะ โดยปรับหลายเลยเน้อออ
ที่เบสท์พูดมามากมายอันนี้ อาจจะดูไม่ได้ช่วยเพื่อนๆที่ออกจากไทเป แต่ไม่จริงเลยค่าาาา
เพราะมันสามารถนำข้อมูลอันนี้ไปแมทกับคนที่เดินทางจากไทเป
ที่จองตั๋วไม่ได้ หรือ ไม่ได้จองตั๋ว ในการผสมผสานการเดินทางจนมาถึงฮวาเหลียนได้ เลยน๊าาา
อย่างที่เพื่อนๆพอจะทราบกันมาบางว่า การเดินทางจากไทเป ไปฮวาเหลียนเป็นการเดินทางสายยาว ถ้าจองตั๋วไม่ได้ สามารถ จองแยกได้เป็น ไทเป - อี๋หลันหรือหลัวตง(luodong) และ อีหลันหรือหลัวตง - ฮวาเหลียน แต่การที่จะจองแยกโดยเป็นขบวนExpress ทั้งคู่ ก็ยังยากอยู่ดีและอาจจะได้ไม่เยอะ ถ้าเดินทางหลายคนโอกาสได้ที่นั่งด้วยกันก็อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ เพราะคนที่ใช้บริการส่วนใหญ่นั้นเป็นนักท่องเที่ยว เขาก็นั่งยาวไป ฮวาเหลียนเป็นส่วนใหญ่
แต่ถ้าเราใช้ขบวน Local ก็มีโอกาสมากกว่า หรือเรียกได้ว่าไปได้เลยก็ได้ เพราะ Local เป็นระบบเหมือนรถไฟฟ้า ไม่มีการกำหนดที่นั่ง คือเราจะขึ้นเราก็ได้ขึ้นล่ะ แต่จะได้นั่งหรือยืนก็ต้องไปดูว่าคนเยอะมั๊ย แต่การ ใช้ Local ต่อ Local นั้นใช้เวลารถวิ่งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ไม่รวมเวลารอต่อขบวน เพราะ Local เส้น ไทเป - อีหลันหรือหลัวตง จะวิ่งอ้อมขึ้นเหนือนิดนึงก่อนค่อยลงใต้ ทำให้ใช้เวลาเยอะ
จากที่ดูขบวนที่วิ่งในปัจจุบันอยู่ มีคู่เดียวที่พอใช้ได้จริง คือ
จากไทเปนั่งขบวน 4138 ออกจากไทเป 06:25 ถึงอีหลัน08:52 ต่อ ขบวน 4628 ออกจากอีหลัน 09:28 ถึงฮวาเหลียน 11:27 โดยเพื่อนๆใช้ Easy Card หรือ I-Pass ตึ๊ดๆเข้าสถานีไปได้เลย(ค่าโดยสาร 140+143NT) ยึดเลขขบวนในการหาชานชลาขึ้น เท่านั้น อันนี้หาไว้เผื่อเพื่อนๆจะนำไปใช้ค่ะ ใช้เวลารวมทั้งหมด 5 ชั่วโมง (ถ้าเวลาผ่านไปนานเช็คในเน็ตอีกทีเรื่องเวลานะคะ)
ดังนั้น วิธีการเดินทางที่แนะนำ แบบ 2 ต่อ
เพื่อเดินทางไปจาก ไทเป ถึง ฮวาเหลียน คือ บัส - Local Train ค่ะ
มาดูกันค่ะว่ามีบัสอะไรไปได้บ้าง ที่จริงมีบริษัทที่วิ่งจากไทเปไป อี๋หลันเยอะนะคะ อย่างบริษัท capital , kamalan , kingbus (อาจจะมีของบริษัทอื่นอีกนะคะ) บัสเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ไม่ต้องจองก่อนและมีรอบรถค่อนข้างเยอะค่ะ เวลาการเดินทางอยู่ประมาณ 1 - 1ชั่วโมงครึ่ง แล้วแต่เส้นทางของแต่ละบริษัทวิ่ง
บริษัท capital bus 首都客運(โซ่วตูเค่ออวี้) ข้อดีคนใช้บริการไม่มากใช้เวลาวิ่งน้อยสุดในบรรดา3บริษัท ขึ้นที่ สถานีบัสcity hall (CityHall Bus Station)พิกัดคลิ๊ก มาได้โดยการนั่งรถไฟฟ้า MRT สถานี City Hall (สายสีน้ำเงิน) แล้วในสถานีจะมีป้ายชี้มาที่สถานีเปลี่ยนรถเลยค่ะ เดินเชื่อมในอาคารง่ายๆมีป้ายบอก ไปถึงเจอเค้าเตอร์ขายตั๋วเห็นเด่นชัดค่ะ (พอดีเก๊าไม่เคยถ่ายรูปเก็บไว้ ขอโทษก๊าบบ ไว้วันหน้ามีรูปจะเอามาซ่อมนะก๊ะ) บอกเขาว่า อี๋หลัน หรือ หลัวตง แค่นั้นค่ะ ที่ขึ้นรถก็เดินเลี้ยวเข้าไปอีกหน่อย ไม่ยากค่ะ
โดยหลักเส้นทางไปอี๋หลันมีรถ 3 สาย
สาย1570 (ไทเป - หลัวตง) มีรถตั้งแต่ 05:55 - 23:35 (มีรถทุกๆ 10 นาที) (120NT)
สาย1571 (ไทเป - อี๋หลัน) มีรถตั้งแต่ 07:05 - 23:10 (มีรถทุกๆ 15 นาที) (120NT)
สาย1572(ไทเป - เจียวซี - อี๋หลัน - หลัวตง) มีเที่ยวเวลารถตายตัว จะห่างกัน 20 นาที ถึง 1 ชั่วโมงแล้วแต่ช่วงเวลาค่ะ แต่คิดว่าคงไม่ได้ใช้อันนี้กันเท่าไหร่ เพราะไปหลัวตงนั่ง1570 ไปอี๋หลันนั่ง1571 จะดีกว่าค่ะ แต่ให้ข้อมูลไว้ว่ามีเบอร์นี้อีกสายที่ไปได้ แต่จะใช้เวลาเยอะกว่าเพราะมีหลายป้ายกว่า
บริษัท kamalan 噶瑪蘭客運(เก๋อมาหลันเค่ออวี้) ข้อดีอยู่ใจกลางศูนย์รวมการเดินทาง ขึ้นที่สถานีรถบัสไทเป (Taipei Bus Station) พิกัดคลิ๊ก อยู่บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟไทเปเมน ถ้ามาจาก รถไฟฟ้า MRT taipeimian เดินมาฝั่งทางประตู 1-2 ค่ะ แล้วเชื่อมเข้าใต้ดินสาย R ออกประตู R1 (มีบันไดเลื่อน)จะเป็นด้านหน้า หรือจะออก Y1 ก็ได้นะคะ แต่เป็นบันไดธรรมดาเน้อ โดยไปซื้อตั๋วที่เค้าท์เตอร์ด้านล่าง แล้วไปขึ้นรถที่ชั้น 4 ช่อง 413 ค่ะ (ของบริษัทนี้ รถต้นสายอยู่ที่ สถานีบัสป่านเฉียวBanqiao ท่านไหนพักแถวป่านเฉียวขึ้นจากต้นสายก็ได้นะคะสถานีอยู่ที่ตรงข้ามสถานีรถไฟTRAทางประตู East 1 พิกัดคลิ๊ก )
สายรถที่ให้บริการ
สาย1917 (ไทเป - หลัวตง) มีรถตั้งแต่ 04:35 - 01:45 (ดูเวลาได้ที่นี่คลิ๊ก มีภาษาอังกฤษกำกับ) (135NT)
สาย1916 (ไทเป - อี๋หลัน) มีรถตั้งแต่ 04:35 - 01:45 (ดูเวลาได้ที่นี่คลิ๊ก มีภาษาอังกฤษกำกับ) (129NT)
สาย1915 (ไทเป - เจียวซี - อี๋หลัน - หลัวตง)
บริษัท kingbus 國光客運(กั๋วกวงเค่ออวี้) ขึ้นที่สถานีบัสหยวนซาน อยู่ที่ MRT Yuanshan ประตู1 จะใกล้ป้ายขึ้นบัสสายที่ไปอี๋หลันค่ะ โดยออกมาแล้วเดินวกไปทางขวามือ จะเห็นชานชลา ให้เดินตรงไปหน่อยจะมีเค้าเตอร์กั๋วกวงเล็กๆอยู่ ค่ะ
สายรถที่ให้บริการ
สาย1879 (ไทเป - หลัวตง) มีรถตั้งแต่ 06:15 - 22:00 ตารางเวลาคลิ๊ก (185NT)
สาย1878 (ไทเป - อี๋หลัน) มีรถตั้งแต่ 06:00 - 22:30 ตารางเวลาคลิ๊ก (125NT)
เขาจะมีแต่ภาษาจีนนะคะ เทียบดูได้ 周一จันทร์ 周二อังคาร 周三พุธ 週四พฤหัส 周五ศุกร์ 周六เสาร์ 周日อาทิตย์
รถของ บริษัทกั๋วกวงจะใช้เวลาวิ่งนานสุดนะคะที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ส่วนเวลานั่งมาแล้ว รถบัสจะส่งเราที่สถานีบัสของอี๋หลัน / หลัวตง ซึ่งอยู่ที่ด้านหลังของสถานีรถไฟทั้งคู่ค่ะ
ของอี๋หลันจะส่งลงตรงนี้คลิ๊ก ลงมาหันหน้าเข้าถนน เดินขึ้นไปทางขวา ประมาณ 200เมตร
มองไปทางซ้ายจะเป็นสถานีรถไฟก็ข้ามถนนไปเลยจ้าาา
ของหลัวตงอาจจะเข้าส่งที่ตัวสถานี หรืออาจจะส่งลงบริเวณนี้คลิ๊ก จะเป็นหัวมุมถนน
ให้เดินตามไปตามฟุตบาทมุมถนน (หันหน้าเข้าถนนหัวมุมอยู่ขวามือ) เดินขึ้นไปเรื่อยประมาณ 300 เมตร จะเจอสถานีรถไฟค่ะ
(จะเดินผ่านสถานีบัสด้านขวา ถ้าขากลับจะกลับบัสมาขึ้นตรงนี้ค่ะ)
แล้วเราก็ต่อรถไฟ ไปฮวาเหลียนได้เลยค่า
โดยดูตารางได้จากอันบนโน้นเน้อ
วิธีนี้ใช้เวลารวมประมาณ 3-3ชั่วโมงครึ่ง จากไทเปถึงฮวาเหลียนค่ะ
(ร่วมเวลาต่อรถโดยประมาณแล้ว)
สำหรับเพื่อนๆที่จะใช้วิธี 2 ต่อแบบนี้ตอนขากลับด้วย
เวลาตารางรถบัสมีเที่ยวพอๆกับขามาค่ะ
ร่ายมาตั้งยาววววว...ถึงฮวาเหลียนซักที^^
ชวีเจียน ก็นั่งสบายนะ มีแอร์นะ(เผื่อบางท่านอาจจะไม่เคยนั่งแล้วไม่ทราบ)
ส่วนเพื่อนๆท่านไหนมีกระเป๋าจะฝาก ก็เลี้ยวไปทางขวาค่ะ มีห้องฝากกระเป๋าที่นั่น(เก็บค่าบริการตามขนาดอยู่ที่ 30-70/วัน มีเวลาเปิดปิดปกติจะอยู่ที่ 08:00-20:00 ดูให้ชัวร์อีกทีได้ที่เสาหน้าห้องกระเป๋าค่ะ)
ส่วนล็อกเกอร์มีแบบคิดเงินทุก3ชั่วโมงค่ะ(ฝากเกิน3ชั่วโมงได้นะคะ คือเขาจะคิด20-50ตามขนาดทุกๆ3ชั่วโมง) ถ้าจะฝากดึกกว่า 2ทุ่ม ก็ฝากล็อกเกอร์ได้ค่ะ
ส่วนตรงด้านหน้าสถานีรถไฟค่ะ ความอลังการของภูเขา อยู่แค่เอื้อมแล้ววว
เดินมาจะเห็นตึกสีส้มๆ นั่นคือสถานีฮวาเหลียนบัสค่ะ ส่วนที่เห็นอยู่ใกล้กว่าจากในรูปที่เป็นมุมที่เดินมาจากสถานีรถไฟ คือที่รอขึ้นรถค่ะ จะเห็นป้ายรถของ 台灣好行(ไถวันห่าวสิง)Taiwan trip สีแดงๆอย่างเด่นชัด วันนี้เราจะใช้บริการบัสของโครงการท่องเที่ยวอันนี้ค่า ก่อนอื่นเรามารู้จัก ไถวันห่าวสิง กันก่อนเน๊อะ^^
台灣好行(ไถวันห่าวสิง)Taiwan trip
เว็ปไซด์ http://en.taiwantrip.com.tw/คลิ๊ก
เป็นบัสโครงการท่องเที่ยว ที่มีเส้นทั้งทั่วทั้งไต้หวัน โดยส่วนใหญในหนึ่งเส้นทาง จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง แต่ก็จะมีบางสายที่เน้นวิ่งตรง เส้นทางที่ได้รับความนิยม ก็อย่าง ซันมูลเลค อาลีซาน แล้วที่นิยมสุดๆเต็มแบบเอียดๆก็นี่เลยค่ะ ไท่หลู่เก๋อเอ๋อๆๆๆๆ
บัสของไถวันห่าวสิง จะดีตรงที่มีโลโก้ที่แน่นอนไม่ว่าจะนั่งที่ไหนของไต้หวัน ป้ายรอรถหรือป้ายบอกทางไปขึ้นรถ ก็จะเป็นสีแดง และแบบฟอร์มแบบเดียวกันหมด ทำให้หาง่าย แล้วป้ายก็มีรายละเอียดครบทั้งบอกเวลาที่รถจะมาถึงป้ายที่เรารออยู่ (อาจเพี้ยนได้บ้างถ้าเป็นป้ายกลางๆขึ้นอยู่กับการจราจร) ดูไม่งงเพราะมีบอกสถานีต่อไป ซึ่งทำให้วัดได้ว่ารอรถฝั่งนี้รถจะมุ่งหน้าไปทางไหนทำให้ไปไม่ผิดทาง แล้วที่สำคัญมีภาษาอังกฤษกำกับซึ่งก็ช่วยได้เยอะค่ะ แต่เขาก็จะให้บริษัทบัสท้องถิ่นเป็นคนเดินรถนะคะ อย่าคาดหวังมากว่าคุณคนขับจะพูดอังกฤษได้ทุกคน แต่เราทำการบ้านไปดีๆ ไปชี้ๆบ้างเวลาสงสัยอะไร เขายินดีช่วยเหลือค่ะ ถึงภาษาจะไม่ได้ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
ข้อดีอีกอย่างของบัสโครงการนี้คือ ศึกษาไปก่อนจากเว็ปไซด์ได้เกือบทุกอย่างเลยค่ะ เส้นทางไท่หลู่เก๋อดูได้ที่นี่ Taroko Route คลิ๊ก
เข้าไปในสถานี จะเจอเค้าเตอร์แบบนี้ค่ะ ดูตารางเวลาด้านบนเค้าเตอร์ได้ ดูตรงที่เขียนว่า เทียนเสียง 天祥 TianXiang สาย 1133A
ที่ขายตั๋วมีคุณลุงท่านนึงพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ น่ารักดี ถ้าเจอท่านนั้นก็บอกเขา ทาโรโกะ วันเดย์พาส ได้เลยค่ะ
ถ้าไม่เจอก็บอก ไท่หลู่เก๋อ อีรื่อเท่าเพี่ยว一日套票(1day pass) ได้ค่ะ
1day pass ราคา 250 เขาให้ตั๋วมา พร้อมตารางรถค่ะ (ก่อนให้ตารางรถคุณลุงที่พุดภาษาอังกฤษได้ ถาม ด้วยว่า Korea? เบสท์ก็บอกเขาว่า Thailandค่าแล้วก็ยิ้มๆ^^ เขาก็อึ้งไปแป๊บนึง เพราะเอกสารตารางรถไม่มีภาษาไทย เขาก็ทำท่าจะหยิบไม่หยิบๆ คือคุณลุงไม่รู้จะเอาภาษาอะไรให้55 เบสท์ก็เลยบอกว่า ภาษาจีนก็ได้ เขาเลยเอาอันนี้ให้มี 2ภาษา)
ตารางนี้ใบนี้ มีวันที่กำหนดอยู่ด้านบนนะคะ ซึ่งเวลาอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับช่วงที่เพื่อนๆไปก็ได้ค่ะ
ตั๋ววันที่เป็นกระดาษอันนี้ ใช้โชว์ตอนขึ้นรถทุกครั้งนะคะ เก็บดีๆ ถ้าเกิดหายกลางทาง ก็ใช้อีซี่การ์ดหรือไอพาสได้ค่ะ
ตั๋ววันที่เป็นกระดาษอันนี้ ใช้โชว์ตอนขึ้นรถทุกครั้งนะคะ เก็บดีๆ ถ้าเกิดหายกลางทาง ก็ใช้อีซี่การ์ดหรือไอพาสได้ค่ะ
ตรงที่รอรถ มีแผนผังเส้นทางให้ดูค่ะ เส้นสีเขียวขาไป เส้นสีแดงขากลับ (บอกเลยว่า ทริปไท่หลู่เก๋อครั้งนี้ของเบสท์ มันไม่ราบรื่นไปซะทุกอย่างจริงๆค่า 55 แต่คิดว่าเป็นข้อดีตรงจะได้ว่าบอกเล่าต่อ เป็นเคสพิเศษเผื่อเพื่อนเจอบ้างจะได้รู้เนอะ แต่หลายๆอย่างคงไม่ได้แจ็คพอตแบบเบสท์แน่ๆค่ะ)
แจ๊คพอตอย่างแรกที่เจอเลยก็คือ รถไม่มาจอดตรงป้ายที่รอค่ะ คือตอนซื้อตั๋วเสร็จ เบสท์นั่งรอในสถานี เพราะที่รอป้ายด้านนอกร้อนมาก แต่รอไปซักพัก เห็นคนไปรอที่ป้ายเยอะมาก เลยยังไงต้องยอมไปร้อนด้วย เพราะตั๋วเป็นแบบไม่ระบุที่นั่งขึ้นก่อนนั่งก่อนที่นั่งเต็มถ้าจะไปก็ยืนจ้าาา ป้ายรอรถเส้นทางไท่หลุ่เก๋ออยู่ตรงด้านขวาจากสถานีขายตั๋ว(เยื้องมาทางสถานรถไฟ ตามรูปด้านบน) รอไปร้อนไปซักพัก มีเจ้าหน้าที่ ยืนตรงหน้าสถานีขายตั๋วตะโกนว่าไท่หลู่เก๋อๆ คนก็ทยอยเดินกลับไปตรงหน้าสถานีขายตั๋ว เบสท์กว่าจะเดินมาก็แถวยาวแล้ว เพราะคนที่อยู่หางๆแถวจากป้ายที่ถูกต้องเขาอยู่ใกล้กว่า ก็เดินมาถึงก่อน รวมถึงยังมีคนหลบแดดอยู่ที่ตัวสถานีมาสมทบอีก ที่น่าเห็นใจก็มีสาวๆน่าจะเกาหลี ที่มารอก่อนเบสท์อีกแต่เขาไม่เดินมา เพราะเขาก็รู้สึกว่า เขารอถูกที่แล้ว
พอเบสท์เดินมาต่อแถวมองไปเห็นป้ายรอรถ(ในรูปอยู่ตรงใต้ร่ม)เลยนึกได้ว่า เออใช่ เมื่อกี้ตอนซื้อตั๋วเสร็จก็เดินมาดูป้ายตรงนี้เพราะอยู่หน้าสถานีเลยว่าเป็นป้ายอะไร ปรากฎว่าป้ายนี้เป็นป้ายรอรถท่องเที่ยวฮวาเหลียนอีกเส้นทางนึง ก็เลยคิดว่า กลุ่มสาวเกาหลีกลุ่มนั้นคงเดินมาดูแล้วเหมือนกัน หรือไม่ก็ดูหนังสือหรือรีวิวมา คงคิดว่าคนที่มาขึ้นบัสคันนี้ คือไปเส้นทางนี้แต่เขาจะไปทาโรโกะ อะไรทำนองนั้น
ถ้าเบสท์ไปประเทศที่ฟังไม่ออก เบสท์ก็คงจะเหมือนเขา เพราะคิดว่า ก็ฉันรอถูกจุดแล้ว ถ้ามันไม่มีป้ายอยู่ตรงนี้ว่าไปอีกที่หนึ่งก็ยังพอทำให้ไหวตัวทันว่าทำไมคนพากันไปขึ้นบัสคันนั้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เบสท์ใช้คำว่า ไท่หลู่เก๋อ
เพราะอยากให้เพื่อนๆจำได้และใช้ชินนะคะ ด้วยความที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว ตอนนั้นเลยไม่ได้สังเกตุว่าด้านหน้ารถเขาเปิดไฟป้ายมั๊ย
กลับมาดูจากรูปเหมือนจะไม่ได้ไม่ได้เปิด หรือไม่ก็แดดแรงมากเป็นรูปด้านข้างอีกเลยมองไม่เห็นอันนี้ไม่แน่ใจอ่ะค่ะ
ใช้ อีซี่การ์ด หรือ ไอพาส จ่ายค่ารถก็ได้นะคะ แต่ถ้าเทียบแล้วแบบเราๆ ซื้อตั๋ววันคุ้มกว่าค่ะ
ตอนท้ายเกาหลีกลุ่มนั้นก็วิ่งมานะคะ แต่ก็ต้องยืนบนรถ(ทั้งที่มารอคนต้นๆเลย) คนยืนไปแน่นรถมาก เบสท์เองได้ที่นั่งแถวหลังสุด
นั่งลำบากพอดูแต่ถือว่าดีกว่าคนต้องยืนมากแล้ว เห็นสภาพคนยืนเต็มรถแล้วตัวเองนั่งหลังสุด ก็แอบคิดว่าแผนเดิมที่จะลงสถานีต้นๆ
แล้วเที่ยวไล่ไปก็อาจจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะถ้าคนไม่ลงเยอะพอ เราจะเบียดลงนี่ถือว่าลำบาก
ใจคิดแต่ยังไงต้องลงที่ป้าย shakadangให้ได้ เพราะจอดแค่ขาไป รอลุ้นขอให้คนลงเยอะๆ
นั่งรถไปซักพัก แจ๊คพอตที่2 ของเราก็มา รถแอร์เสีย สุดยอดมาก คนก็เยอะ
รถบัสวิ่งผ่าน สถานีรถไฟ Xincheng(ซินเฉิง) หรืออีกชื่อว่า ไท่หลู่เก๋อtaroko ด้วยนะคะ ตรงนี้มีป้ายบัสด้วย ที่จริงถ้ามาจากทางเหนือ (ไทเป อี๋หลัน หลัวตง) จะถึงที่นี่ก่อนด้วยนะคะ แต่ขาออกเที่ยวไม่แนะนำ เพราะมากะขึ้นตรงนี้ คิดว่าไม่ได้นั่งชัวร์ค่ะ ที่ยืนยังดูลำบาก
แต่ดีตรงใช้ได้ตอนขากลับค่ะ สำหรับท่านไหนที่จะกลับขึ้นเหนือไปทางอี๋หลัน(ต่อรถไปไทเปแบบวิธีด้านบน) แล้วไม่มีของฝากไว้ที่สถานีฮวาเหลียน ขากลับเมื่อเที่ยวไท่หลู่เก๋อเสร็จ ตอนนั่งบัสกลับ แล้วทำเวลาดูจะไม่ทันรถไฟขบวนLocalที่เล็งไว้ว่าจะขึ้นหรืออยากจะประหยัดเวลา ลงที่นี่ได้ค่ะ ทำเวลาได้มากขึ้น ประมาณ 50 นาทีเลยน้า บัสวิ่งจากที่นี่กลับสถานีฮวาเหลียนประมาณ 30 นาที
รถไฟวิ่งจากฮวาเหลียนขึ้นเหนือมาถึงสถานี Xincheng ประมาณ 20นาทีค่ะ ลงบัสที่นี่ ตึ๊ดๆเข้าสถานีรถไฟไปเลยยยย
สำหรับท่านที่มีซื้อตั๋วขากลับไว้แล้ว แล้วเวลาไม่ทันจริงๆ สามารถเลือกลงที่นี่ได้นะคะ แต่สำหรับขบวน Express
ทั้ง Tze-Chiang, Puyuma , Taroko ไม่ได้ผ่านสถานีนี้ทุกขบวนนะคะ ต้องเช็คดูก่อน ถ้ามีผ่าน ก็ใช้วีธีนี้ได้ค่ะ แต่เฉพาะฉุกเฉิน เพราะตอนเข้าจะไม่ตรงกับสถานีที่ซื้อไว้ ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะว่า เราเวลาไม่ทันถ้ากลับไปขึ้นฮวาเหลียน
ยังไม่ทันได้เที่ยวพูดถึงขากลับซะแล้ว ถึงแล้วจ้าๆ ไท่หลู่เก๋ออออ
เนื่องด้วยรถแอร์เสีย เดิมที คนจะไม่ค่อยลงกันที่นี่ แต่เขาต้องรอรถคันใหม่มาเปลี่ยน คันนี้ไม่ไปต่อ คนขับรถเลยให้ลงทั้งคันค่ะ
มีหลายปัจจัยที่ทำให้รถอาจจะเข้าป้ายไม่ตรงเวลานะคะ ยังไงเชค Real Time ได้จากที่นี่ค่ะคลิ๊ก
มีหลายปัจจัยที่ทำให้รถอาจจะเข้าป้ายไม่ตรงเวลานะคะ ยังไงเชค Real Time ได้จากที่นี่ค่ะคลิ๊ก
ซึ่งก็เป็นป้ายที่เบสท์กะจะลงอยู่แล้วพอดี ^^ ป้ายนี้คือ ป้าย Taroko Visitor Center(太魯閣遊客中心) ค่ะ ที่เดิมที่จะลงที่นี่ไม่ได้จะมาทำอะไรนะคะ แค่อยากจะเดินรอดอุโมงค์ไปจุดหมายแรกที่ ซาข่าตั้งค่ะ
ลงรถแล้วก็เดินกลับไปทางถนนค่ะ หันหลังให้ห้องน้ำ เดินไปทางขวา จะเห็นป้ายบอกทางค่ะ
ยึด ซาข่าตั้งShakadang หรือ เทียนเสียงTianxiang ก็ได้ค่ะทางเดียวกัน เดินลงมาถึงแยกตามรูป(ล่าง)แล้ว
ถ้าเพื่อนๆอยากไปถ่ายรูปที่ป้าย ไท่หลู่เก๋อสามารถเดินย้อนกลับลงเนินที่เลี้ยวไปทางซ้ายค่ะซึ่งก็เป็นทางที่รถวิ่งมานั่นเอง
หรือจะกดกริ่งลงตั้งแต่แรกก่อนถึง Visitor ก็ได้ค่ะ ตรงนั้นคือป้าย Taroko(太魯閣)ค่ะ
ส่วนไปอุโมงค์ซาข่าตั้ง เลี้ยวไปทางขวาที่สองค่ะ
มองจากบน Visitor เห็นป้ายไท่หลู่เก๋อไกลๆค่ะ เดินย้อนกลับไปประมาณ 600 เมตร
เบสท์ไม่ได้เดินไปที่ป้ายไท่หลู่เก๋อ พอดีกะว่าจะขึ้นรถเที่ยวต่อไปให้ทันจากป้ายซาข่าตั้ง เลยต้องดิ่งไปเลย เลี้ยวขวาที่สองมาจากแยก เดินตรงมานิดเดียว จะเจอต้นอุโมงค์แล้วค่ะ เดินมาจากแยก 150 เมตรได้
ถ้าเราเดินมาจาก Visitor เราจะอยู่ฟุตบาตรฝั่งขวาของอุโมงค์ ไอเราไม่รู้เรื่องอะไร ก็ตรงไปเรื่อยๆเลยจ้า
เดินไปเดินไป แหม่ทำไม ฝั่งโน้นถึงมีลายตกแต่ง ฝั่งเก๊าไม่มี งืมๆๆ
เดินไปได้ซัก 350 เมตร แล้วเราก็เจอคำตอบ เพราะฝั่งโน่น มีทางทะลุออกไปเส้นทางอีกเส้นนั่นเอง เส้นทางนี้มีชื่อว่า Xiaozhuilu
(ที่จริงป้ายก่อนเข้าอุโมงค์ก็มี แต่เขาไม่ได้บอกให้ไปเดินทางว้ายหนิ > < ) เขาคงทำสัญลักษณ์ไว้ให้รู้กันแต่เราไม่รู้...
เอ้าแล้วสิ อยากรู้อยากเห็น อยากลองข้ามไปดู แต่ไม่กล้าข้าม เพราะรถในอุโมงค์วิ่งเร็วมากแล้วก็ต้องมุดรั้วด้วย
เลยต้องทิ้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ด้านหลัง แล้วเดินหน้าต่อไป......
ทีนี้ด้วยความที่เดินไปเสียดายไป ยังมีแอบเล็งรถเรื่อยๆ กำลังคิดว่าจะข้ามแล้วเดินย้อนกลับไปดีมั๊ย เล็งแล้วเล็งอีกยังไงก็ไม่กล้า
เลยคิดว่า เดี๋ยวเดินไปทะลุแล้วเดินย้อนกลับมาก็ได้ น่าจะเซฟกว่า แต่เดินไปเดินไป ทำไมเส้นทางช่างดูยาวไกล...
ไปอีก 800เมตรได้ เราก็เจอแสงสว่างที่ทางออกของเราเย้!
โผล่ออกมา มองย้อนกลับไป ถามตัวเองจะเดินกลับไปมั๊ยตรงนั้น 55 เปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า เราเอาที่กะไว้ให้ครบดีกว่าเนอะๆๆ
จะลงไปทางเดิน ซาข่าตั้ง ลงทางขวาของรูปนี้นะคะ (หันหลังให้อุโมงค์ที่เดินมาจาก Visitor )
แต่ถ้าเพื่อนๆนั่งบัสมาลงที่ ป้าย Shakadang Trail(砂卡礑) ป้ายรถจะอยู่อีกฝั่งตรงปากอุโมงค์
ที่เห็นไกลๆตรงในรูปที่มีรถคันสีขาวนะคะ แล้วต้องเดินย้อนกลับมาที่ทางลง ก็จะเป็นทางซ้ายมือของเพื่อนๆแทนค่ะ
แต่ที่จริงไม่ยาก เขามีตัวหนังสือบอกค่ะ
ลงมา ทางเดิน ซาข่าตั้งจะต้องเดินไปทางขวาค่ะ
砂卡礑步道 Shakadang Trail มีระยะทาง 4กิโลเมตร ไปกลับใช้เส้นทางเดิม
เบสท์เดินเป็นพิธีเฉยๆนะคะ บอกเลยว่าทั้งเส้นไม่ไหวจริงๆ เดินให้รู้ว่ามาถึงแล้วนะแล้วเราต้องรีบไปต่อ แหะๆ
วิวตอนขาเดินกลับ จะเห็นส่วนที่เป็นสีแดงของสะพาน shakadang ด้วยค่ะ
(ที่จริงตอนเดินลงมาก็เห็นแล้ว แต่จะไม่เต็มๆแบบนี้^^)
(ที่จริงตอนเดินลงมาก็เห็นแล้ว แต่จะไม่เต็มๆแบบนี้^^)
ทางขึ้นก็อยู่อีกฝั่งจากทางลง สามารถเดินเลยมาฝั่งนี้เพื่อเก็บภาพจากมุมนี้ได้ด้วยค่ะ
อันนี้ถ่ายไปทางทางเดินซาข่าตั้งจากบนสะพานค่ะ มองเห็นกันมั๊ยเอ่ย
ไปก่อนนะ ซาข่าตั้ง..... จะขึ้นรถไปต่อ ให้เดินไปทางอุโมงค์อีกด้านนึงค่ะ ฝั่งนั้นจะมีที่จอดรถส่วนตัว แล้วก็มีป้ายรถเมล์จ้า
แล้วแจ็คพอตที่3 ของเราก็มาถึง นั่นก็คือ พอรถเลี้ยวเข้ามาที่ ป้าย ปู้ลั่ววาน Buluowan(布洛灣) คนขับเขาก็ดับรถแล้วต้องลงหมดเลยค่ะ แล้วเขาจะบอกเวลารถออกอีกทีกี่โมง ซึ่งห่างจากตอนนั้นประมาณ 35 นาที อึ้งๆงงๆลงก็ได้ 55 เดิมที่ที่แพลนไว้ไม่ได้แวะที่นี่ เพราะเวลาและเที่ยวรถที่มี ทำให้ไม่สามารถแวะได้ทุกป้าย ก็เลยเลือกมาแล้วว่าไม่แวะที่นี่ เห็นมีคนไต้หวันทีมาคันเดียวกันก็งงๆแล้วถามคนขับรถว่าทำไมต้องลงด้วยเขาก็เอาตารางในกระดาษมาอธิบาย เบสท์ลงมาก็เลยลองเอามาดูดีๆ ตอนรับมาไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะทำการบ้านมาแล้วจากในเน็ต ดูดีๆถึงรู้ว่า ตารางรถที่วิ่งจริงกับที่ทำการบ้านมาไม่ตรงกัน!ตารางอันนี้ใช้ตั้งแต่ 20 พ.ค - 30 มิ.ย โดยเที่ยวรถส่วนใหญ่จะหยุดเบรคที่ปู้ลั่ววาน แต่จะจอดนานไม่เท่ากันต่างกันนิดหน่อย ซึ่งตารางที่เบสท์ทำการบ้านมา เวลามันก็ต่อๆกันเลยไม่มีการเบรคแบบนี้ ส่วนตอนนี้เข้าไปดูในเว็ปก็มีปรับเปลี่ยนไปอีกเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เปลี่ยนคือเวลาออกรถค่ะ จะไปต่างตรงเวลาระหว่างเส้นทางมากกว่า อาจจะเป็นตามความเหมาะสมของช่วงฤดูกาล สถานการณ์หรือผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ยังไงเพื่อนๆใกล้ไปต้องเช็คดูตารางช่วงนั้นอีกทีนะคะ
ไหนๆแล้วก็เดินสำรวจดูจ้า ปู้ลั่ววานนั้น มีอาคารที่มีมุมจัดแสดงจำลองความเป็นอยู่ของชนเผ่าดั่งเดิมของไต้หวัน
อยู่ที่ชั้นล่าง และมีร้านอาหาร1ร้านอยู่ที่ชั้นบนค่ะ และมีห้องน้ำไว้บริการอยู่ด้านข้างค่ะ
อันนี้วิวจากระเบียงชั้นบน ด้านหน้าร้านอาหารค่ะ ของเบสพักรถประมาณ 40 นาที ตอนมาถึง เพื่อนๆที่ฟังไม่ออก
ก็ยึดดูจากตาราง ก่อนลงก็จิ้มๆคอนเฟริ์มกับเขาก็ได้ค่ะ สามารถมาขึ้นรถก่อนเวลารถออกได้ซักพักค่ะ
ป้ายต่อไปที่รอคอย ป้าย เหยี่ยนจึโค่วYanzikou(燕子口)ค่ะ
ต้นทางของ เส้นทาง เหยี่ยนจึโค่ว จะมีสะพานอันนี้ด้วยค่ะ แต่ลงไปเดินเลยไม่ได้นะคะ เขาปิดทางเข้าไว้ ต้องยื่นความประสงค์
กับเจ้าหน้าล่วงหน้า แล้วน่าจะลงไปเดินเล่นแค่สะพานนี้เฉยๆไม่ได้นะคะ น่าจะต้องเดินเส้นทางป่าฝั่งโน่นด้วยค่ะ
燕子口步道 Swallow Grotto (Yanzikou) Trail ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร
ไปกันเลยดีกว่าค่าาาา ทางเดินจะเป็นชิดขวาไปเรื่อยๆนะคะ
อยากบอกว่า สิ่งที่เห็นตรงหน้า มันคือความอลังการทางธรรมชาติจริงๆ
ไม่ว่าจะก้มหรือเงยก็อลังการไปหมด เรียบหรูอลังการดาวล้านดวง^^
ส่วนใหญ่ก็จะเดินกันไปถึงจุดพักเล็กๆ ที่เรียกว่า Jinhang Park ค่ะ จากต้นทาง
ระยะประมาณ 1 กิโลได้ ตรงนี้มีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วยนะคะ
เบสท์ก็เดินกลับจากตรงนี้ แต่ที่จริงเดินต่อไปได้อีกหน่อยแต่ต้องคอยระวังรถนะคะ
มาถึงมีคนรออยู่พอสมควรแล้ว ตอนนั้นจะก่อนเวลารถมาประมาณ 10 นาทีค่ะ
แถวก็แอบยาวแล้วนะ ป้ายฝั่งโน่น(ด้านขวาของรูป) เป็นขากลับค่ะ
รถรอบนี้ เป็นรถลายของโครงการโดยตรงจะสังเกตุง่ายค่ะ ตอนมาจากต้นสายรถเป็นสีส้ม จากซาข่าตั้งคันนั้นสีเขียว
อันนี้ถ่ายหน้ารถมาให้ดูว่าจะขึ้นไฟหน้ารถ ภาษาอังกฤษและภาษาจีนสลับกันไป ว่า Taroko - Tian xiang / 太魯閣 - 天祥 ค่ะ
ป้ายต่อไปคือ ป้าย ลุ่ยสุ่ย Lu shui (綠水) แต่เบสท์ไม่ได้แวะลงเพราะเวลาที่โดนเบรครถที่ ปู้ลัาววานทำให้เวลาที่กะไว้เลื่อนไป
เบสท์เลยกลัวไม่ทันกับอีกสามที่ๆอยากไปมากกว่า เลยตัดสินใจนั่งเลยไปถึงสุดสายที่ เทียนเสียงค่ะ
ป้าย เทียนเสียงTian xiang (天祥) เป็นป้ายสุดท้ายของบัสท่องเที่ยว เส้นทาง Taroko ค่ะ
ที่จริงเวลาที่รถถึง กับเวลารถออกขากลับมักจะทิ้งกันประมาณ 25 นาที ลงรถปุ๊บก็ลังเลว่าจะรีบๆเดินให้ทันรถคันนี้ขากลับเลยดีมั๊ย จะได้กลับไปแวะลุ่ยสุ่ย แต่ด้วยความที่บ่ายมากแล้ว แอบหิว เดินออกมาจากที่ลงรถ มีร้านอาหารหลายร้านอยู่ค่ะ ร้านค้าบนนั้นก็เชิญชวนเข้าร้านกันใหญ่ ก็เลยตัดสินใจทานข้าวแล้วคงรอรถอีกรอบไปเลย ไหนๆก็ขึ้นมาถึงแล้วก็ไม่อยากรีบร้อนมาก...^^
เบสท์เข้าไปทานร้าน ซ้ายสุดค่ะ เพราะที่นั่งด้านในมีแอร์ อากาศร้อนมาก เจอแอร์แล้วอยากจะกระโจน^^
เบสท์สั่งข้าว หน้าหมู่ตุ๋นพะโล้ แล้วเครื่องเคียงก็ราดมาตามภาพค่ะ
แล้วก็มีสั่งแกงจืดลูกชิ้น กับเต้าหู้เหม็นค่าก๊อบกรอบ ราคารวมทั้งหมด 190NT ค่ะ
ทานเสร็จก็เดินเที่ยวกันค่ะ จากลานที่เขาจอดรถและมีร้านอาหาร จะมองมาเห็นสะพานอันนี้ค่ะ(ที่จริงคือที่รถเราวิ่งมานั่งล่ะค่ะ)
สะพานอันนี้คือ สะพาน pu du (普渡橋) ค่ะ
เดินไปอีกฝั่งสามารถขึ้นบันไดขึ้นไปวัด 祥德寺(เสียงเต๋อซื่อ) ได้
ระหว่างข้ามสะพาน จะเห็นวิวแบบนี้ค่ะ ธารน้ำโซนนี้จะมีหินอ่อน(หรือเปล่า?ดูไม่เป็น แหะๆ)ก้อนใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ของจริงดูอลังการมาก
เบสท์เดินไปแค่สุดสะพานไม่ได้ขึ้นไปบนวัดเพราะกลัวกลับมาไม่ทันเวลารถ แล้วก็อยากจะยืนดูวิวแถวๆนี้นานหน่อยด้วย
นั่งรถกลับกันค่าาา ยังมีจุดอื่นๆรอเราอยู่
อันนี้อยากจะให้เพื่อนๆชมบรรยากาศการนั่งบัสว่ามันน่าตื่นเต้นขนาดไหน > <
คือในบางช่วงถนนรถกับถนนพอดี๊พอดีกัน 55
ระหว่างขากลับก็จะมาผ่าน ลุ่ยสุ่ยอีก แต่พอใกล้ถึงฝนก็ลงเม็ด
จากที่ชั่งใจว่าจะลงดีมั๊ยเลยตัดสินใจไม่ลงค่ะ
นั่งกลับมายันถึงป้ายที่ขามาไม่มีแวะจอดและเป็นไฮไลน์ของไท่หลู่เก๋ออีกจุดหนึ่ง
ที่ ป้าย ฉางชุนฉือปู้เต้า Changchun Shrine(長春祠步道) ค่ะ
จากจุดที่ลงรถ เราสามารถเดินข้ามสะพาน changchun สีแดงๆอันนี้ที่เพื่อนๆน่าจะเห็นอยู่บ่อยๆ เพื่อเข้าสู่ทางเดินฉางชุนได้ค่ะ
พยายามจะถ่ายรูปจากกลางสะพานแต่ยากมากเลยค่ะ รถวิ่งผ่านค่อนข้างถี่ รถทัวร์คันใหญ่ๆทั้งนั้นเลย
พอเวลารถทิ้งช่วง ก็คนข้ามถนนกันบังอีกอยู่ดี 55 กว่าจะได้เกือบกลางอันนี้มายากมากสำหรับวันนั้น
เดินลงมาจะอารมณ์เหมือนถ้ำค่ะ มีที่ให้จุดธูปไหว้พระด้วยนะคะ
จากโถงกว้างๆที่เป็นเหมือนถ้ำ จะมีซุ้มประตู ที่เป็นทางเข้า ทางเดินฉางชุน (Changchun) ค่ะ
長春祠步道 Changchun Shrine Trail มีระยะทาง 2 กิโลเมตร (ย้อนกลับทางเดิม)
วันที่ไปทางเดินเปิดแค่ระยะทาง200เมตรเองค่ะ (น่าเสียดายจัง)
200เมตร ก็ 200เมตรเนอะ ไปกันเลยจ้าาา
ทางเดินเส้นนี้ จะมีความชื้นๆ เดินแล้วเย็นสบายดีค่ะ ข้างนอกฝนเริ่มตกแรง เลยมีน้ำหยด
ลงมาบ้าง(อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่านะ) ผนังน่าจับมาก บางจุดดูวิ๊งๆ
เดินมาสุดทางที่เขาเปิดให้เดินจะเจอประตูกั้นค่ะ เพื่อความปลอดภัยเนอะ กลับบ้านด้วยความเสียดายเล็กน้อย
เดินกลับมาถึงลานที่รถจะมาเทียบ ไม่มีอะไรทำระหว่างรอรถ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆค่ะ
แล้วแจ๊คพอตต่อมาก็มาถึง เมื่อ รถไม่เลี้ยวเข้ามารับที่ป้ายฉางชุนฉือ โอ่วววว
อาอี๊ที่คอยอยู่ดูแลบริเวณนั้นบอกว่า ตรงจุดนี้ มีรถทัวร์มาจอดส่งลูกทัวร์ลงเที่ยวเยอะ
บางครั้งรถประจำทางเลยไม่วิ่งเข้ามารับคนเอาดื้อๆ เพราะไม่อยากมาติดรถทัวร์
เราก็แบบ อ่าวมีแบบนี้ด้วย แล้วคนจะใช้บริการอย่างเราๆทำไง ยิ่งป้ายนี้มีเทียบจอดแต่ขากลับด้วย
ก็เลยต้องรอเลยตามเลย รอรถอีกเที่ยว ตอนนั้นมีชาวมาเลเซียรอด้วยอีกคน คนไต้หวันเองอีก2
รอไปๆ ฝนก็ตกลงมาแรงขึ้นเหมือนดับเบิ้ลแจ๊คพอต 55 อาอี๊ท่านนั้นใจดีมาก จากจุดที่เรายืนรอรถ มองไปที่ถนนไกลๆ จะเห็นรถ
ที่กำลังขับมา เบสท์เห็นรถที่มีป้ายไฟหน้ารถไกลๆ ก็ชี้ให้เขาดูว่า คันต่อไปมาแล้วๆ อาอี๊ก็รีบเดินออกไปตรงแยกเพื่อ
โบกเรียกรถว่ามีคนจะขึ้นให้พวกเรา แต่สักพักอาอี้ก็กลับมาหน้าโมโหว่า รถไม่สนใจเขาเลย ไม่เลี้ยวเข้ามา
(ตรงก่อนถึงฉางชุนฉือจะเป็นแยกถนน ถ้าเข้ามาทางนี้ต้องตั้งใจเลี้ยวแยกออกมาที่ถนนเส้นเล็ก แต่รถกลับตรงไปทาง
ถนนเส้นหลักไปเลย ถ้าเราจะไปรอที่แยก รถก็ไม่รับคนอยู่ดี เขาจะเปิดประตูรถรับตรงป้ายเท่านั้น)
อาอี๊แนะนำให้โทรไปตามเบอร์ที่ป้ายรถเมล์ให้ไว้ บอกเจ้าหน้าที่ว่ารถผ่านไปไม่เลี้ยวเข้ามารับคน
หลังจากยืนตากฝนรอ(มีกางร่มแต่ก็เปียกอยู่ดี^^)ไปประมาณ 1ชั่วโมงกว่า รถผ่านไม่ 2 รอบไม่แวะเข้ามา คันที่3 ที่เป็นรถรอบสุดท้าย
ก็วิ่งเข้ามา ตอนรอนี่แบบตื่นเต้นมาก นึกว่าคืนนี้ต้องนอนถ้ำซะแล้ว55 ขึ้นไปด้วยความเปียกปอน
คนไต้หวันที่รอด้วยกันก็บ่นกับคนขับรถใหญ่ว่า 2คันก่อนไม่รู้เป็นไรไม่เข้ามารับคน คุณคนขับคันนี้ก็ยังฟังแล้วงงๆ
เหมือนเขาก็ไม่รู้เรื่องว่ามีเรื่องแบบนี้ เข้าก็เลี้ยวเข้ามาตามหน้าที่ตามเส้นทางที่ระบุ ไม่ใช่ว่าเลี้ยวมาจากการที่มีคนโทรไปร้องเรียน
(สรุปได้ว่า บริษัทฮวาเหลียนบัส ทำงานช้าอยู่ ที่แจ้งไปคงยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ได้ดำเนินการอะไรให้ คนขับคันต่อๆไปเลยไม่รู้เรื่อง)
คุณคนนั้นซื้อตั๋วรถไฟกลับไทเปไว้แล้ว เขาเลยลงที่สถานีซินเฉิง เพราะกลับไปนั่งที่ฮวาเหลียนไม่ทันแน่ๆ
เบสท์เลยได้ไอเดียนี้มา ที่แนะนำไว้ข้างบนว่า ถ้ากลับไทเป ลงตรงสถานีรถไฟ Xin Cheng เร็วขึ้นเยอะเลยทีเดียว
แล้วเนื่องจากเป็นรถรอบสุดท้าย ทำให้เดิมที่เบสท์จะแวะ ที่หาดชีซิงถัน ก็เลยแวะไม่ได้
แล้วต้องเปลี่ยนแผนใหม่จากเดิมที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะตรงไปไถตงเลย กลายเป็นต้องไปหาดชีซิงถันก่อน
แล้วค่อยไปไถตง การเดินทางท่องเที่ยวต้องพร้อมจะผิดแผนเสมอจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น ไปเที่ยวทะเลกันจ้าาา เบสท์ก็มาขึ้นรถที่เดิมตรงที่เมื่อวานขึ้น
แต่ใช้อีซี่การ์ดขึ้นแทนค่ะ เพราะไปแค่ที่ ป้าย ชีซิงถัน Qixingtan(七星潭) ที่เดียว
ลงรถแล้วจะเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ไกลๆค่ะ
ริมหาด มีขายมะพร้าวด้วยนะ แต่น่าจะแพง เบสท์เคยเห็นจากอีกที่ รู้สึกลูกละร้อย
มะพร้าวไม่สน กลับไปกินที่ไทย เรามาเดินหาดทราย??? ไม่ใช่!หาดหินกันดีกว่าาา^^
ชีซิงถัน เป็นหาดหินค่ะ หินจริงๆนะ หิ๊นหิน55
ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองมาแล้วจะชอบมาก เพราะเมืองไทยก็ทะเลสวยๆเยอะ
แต่มาจริงๆ นอกจากน้ำใสได้มาตรฐานสีฟ้าครามอร่ามใจแล้ว ความที่เป็นหาดหิน
ก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างอย่างที่ไม่เคยสัมผัสจริงๆ แล้วก็ทำให้เห็นความใสของน้ำชัดขึ้นด้วย
ถ้าหาดทราย เวลาครื้นซัดขึ้นมา อาจจะขุ่นทราย
ถ้าห่างอยากมาจากริมๆน้ำ หินก้อนใหญ่มากค่ะ หินสวยด้วยนะ
ฟินมากกกค่ะ ทะเลและภูเขา บวกกับแสงแดดและสายลม ซึ่งจัดมาให้แรงๆทั้งคู่
ทำให้รู้สึกว่า ความผิดแผนเมื่อวาน ก็มีเรื่องดีๆทำให้ได้เห็นและถ่ายรูปชีซิงถันได้สีสวย
สดใสขนาดนี้ ถ้าเมื่อวานมาแวะตอนเย็นสีอาจจะไม่สวยขนาดนี้ เพราะแดดหมดแล้ว
ทะเลถ่ายมาคงไม่ฟ้ามาก แล้วก็ฝนลงด้วย ท้องฟ้าเลยสีหม่นๆ
อีกอย่างที่ ตั้งแต่มาฮวาเหลียนเห็นอยู่เรื่อยๆเลย ก็คือ เครื่องบินค่ะ(เราเรียกถูกเนอะ)
ตอนอยู่แถวสถานีรถไฟก็จะได้ยินเสียงและเห็นบินอยู่สูงหน่อยเรื่อยๆ
แต่มาอยู่ที่หาดนี่จะเห็นชัดมากค่ะ เพราะอยู่ติดกับสนามบินฮวาเหลียน
เบสท์เดินเล่นเกือบสุดหาดเลยค่ะ แล้วก็เดินขึ้นมาด้านบน ตอนขากลับตรงนี้มีเส้นทางจักรยานด้วยนะคะ
แล้วก็เดินผ่านป้าย ชีซิงถัน แต่เขากำลังก่อสร้างข้างๆอยู่ แล้ว2สาวตรงนั้นก็หลบแดดจริงจังมากไม่ออกจากป้ายเลย55
เบสท์ก็รอๆซักพักเขาไม่ไป เราก็เลยไปเองก็ได้ > <
มองๆแล้ว บริเวณที่ติดกับหาดตรงนี้ คงไม่ได้เป็นส่วนของเครื่องบินโดยสารค่ะ น่าจะเกี่ยวกับทางกองทัพ
เห็นคุณพี่ท่านนี้ รอถ่ายเครื่องบิน ท่าเท่ห์มาก แอบถ่ายเขามา ^^ ขออนุญาตินะคร๊าบบบ
สำหรับหาดชีซิงถันนั้น ที่เดิมกะว่าจะแวะเป็นที่สุดท้าย เพราะเบสท์เห็นว่า
เวลาแพลนเที่ยวด้วยบัสท่องเที่ยวที่มีสถานที่หลายๆแห่ง เราแพลนที่สุดท้าย
ให้ใกล้ๆตัวเมืองมันก็อุ่นใจกว่า ถ้าเกิดมีเหตุผิดแพลนอะไรขึ้นมา
สำหรับเพื่อนๆถ้ามาเที่ยวด้วยตัวเอง ก็ลองดูนะคะ ว่าจะวางชีซิงถันไว้หน้าสุด หรือไว้หลังสุด
(สำหรับท่านที่ไปกลับ หรือมีเวลาแค่วันเดียว)
โดยสรุป จุดที่แนะนำว่าควรแวะเลย
คือ
ซาข่าตั้งShakadang / เหยี่ยนจึโค่วYanzikou / เทียนเสียงTianxiang / ฉางชุนฉือChangchunci / ชีซิงถันQixingtan ค่ะ
ถ้าทำเวลาได้ ก็เพิ่ม ลุ่ยสุ่ยLushuiเข้าไป ถ้าเดินเก่งก็ลงที่ป้าย Taroko เพื่อถ่ายรูปหน้าป้ายที่เป็นไฮไลน์ที่เขานิยมถ่ายภาพเก็บไว้กัน
แล้วเดินเท้า 1.6 กิโลไปที่ซาข่าตั้ง(หรือจะรอรถอีกเที่ยวถ้ามีเวลา)
สุดท้ายอยากบอกว่าเบสท์ตั้งใจเขียนมากๆเลยนะคะ ยาวและเนื้อหาเยอะที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา
เขียนอยู่หลายวันเลย อยากจะให้เพื่อนๆที่อยากเดินทางเที่ยวไท่หลู่เก๋อด้วยตัวเอง
มีรีวิวไว้ทำการบ้านค่ะ ถึงเบสท์จะเจอ แจ๊คพ็อตเยอะไปหน่อย เพื่อนๆอ่านอาจจะสร้างความหวั่นใจอยู่บ้าง แต่แจ๊คพ็อตก็คือแจ๊คพ็อคค่ะ ไม่ได้ถูกกันง่ายๆ ต้องคิดยังงั้นนะ^^
(อย่างตรงฉางชุนฉือถ้ารถไม่มาจริงๆ เดินได้นะคะ แต่ไกลอยู่ที่สำคัญต้องเดินในอุโมงค์ และต้องรู้เส้นทางว่าไปทางไหนด้วย
แต่เอาจริงๆต้องมีคนช่วยเหลือรับเราออกมาแน่นอนค่ะ ติดรถทัวร์ชาวบ้านออกมาก็ได้55 รถทัวร์เยอะจ้า)
การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในต่างจังหวัด ก็เหมาะกับเพื่อนๆที่ไม่ซีเรียทกับความแป๊ะ
เอนจอยกับวิวนอกแผน และพร้อมเดินโดยไม่เกิดคำถามในใจว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ค่ะ
มันจะตรงแผนผิดแผนมันก็สนุกเหมือนกัน เพราะจริตมันใช่ ตามนี้เนอะ
แล้วทริป ฮวาเหลียนไท่หลู่เก๋อก็จบลงค่าาาาาา บายยยย
ขอบคุณมากๆ ค่ะ รีวิวมีประโยชน์มากๆ เลย ตั้งใจไปเที่ยวคนเดียวแล้วใช้บริการ Taroko Shuttle Bus แต่เจอแบบนี้แอบหวั่นใจเลยล่ะค่ะ พูดจีนไม่ได้สักตัว 555+
ตอบลบสายนี้นักท่องเที่ยวเยอะอยู่ค่ะ เบื้องต้นก็ทำตามๆกันไป^^ ถ้าเจอนักท่องเที่ยว ฮ่องกง / สิงค์โปร์ จะช่วยเราสื่อสารจีนได้โดยผ่านภาษาอังกฤษในเวลาจำเป็นค่ะ
ลบมีประโยชน์มากครับ เขียนละเอียดดีมากเลย ว่าแต่ขากลับจาก Chang Chun ถ้าเดินกลับมายัง Shakadang จะเป็นไปได้ไหมครับ
ตอบลบรีวิวนี้มีประโยชน์มากครับ ผมจะไปสิงหานี้แล้ว ขออนุญาตเอาเป็นต้นแบบนะครับ
ตอบลบ..ชอบรีวิวครับ มีโอกาสจะต้องไป
ตอบลบ"ครึ่งหนึ่งของความสนุกในการเดินทาง
คือความงดงามของการหลงทาง"
เป็นรีวิวที่เริ่ดมากค่า ละเอียดยิบ ขอบคุณมากๆนะคะ
ตอบลบพี่ชอบรีวิวน้องมาก ขอบคุณมาก บอกเส้นทางเดินระหว่างจุดจอดด้วย พี่ว่าแล้วว่ามันต้องมีพักรถแบบนี้ พี่จะต้องขึ้นรถ11.00แล้วกละบจากเทัยนเสัยง 14.10 ซึ่งทำใจแล้วว่ารถอาจไม่ตรงแผน ก้อกะเดินเอาแล้วขึ้นบัสคันไหนก้อได้ที่ผ่านมาเพื่อกลับค่ะ นี่รีบเพราะตั๋วรถไฟมันฟิกมาจริงๆ
ตอบลบGood review keep it up! :D
ตอบลบขอสอบถามคุณเบสหน่อยครับ อยากไปจุดชมวิว หน้าผาชิงสุ่ย (Qingshui Cliff / 清水断崖) ไปยังไงได้บ้างครับ ถ้าไม่เหมาแท็กซี่อ่ะครับ
ตอบลบขอบคุณมาก ดีมากคะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณค่าา รีวิวละเอียดดีมากๆ
ตอบลบเขียนดีมากครับ ละเอียดบอกถึงความตั้งใจ และน้ำใจของคุณเลยครับ
ตอบลบ