เมื่อวันที่ 1สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นวันแรกในการเข้าไต้หวันแบบฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยค่ะ โดยเบื้องต้นเป็นการทดลองใช้เป็นเวลา 1 ปีค่ะ เบสท์อยากขอเล่าประสบการณ์ดีๆและแนะนำสถานที่เที่ยวในไทเปที่น่าสนใจทั้งที่เป็นที่รู้จักและที่ๆอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักไว้เป็นตัวเลือกดีๆ สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวไต้หวันกันค่าา
เบสท์มีโอกาสได้เดินทางไปกับคณะ The 1st VISA Free Thai Media & Agents ซึ่งเป็นทริปตอนรับการฟรีวีซ่าครั้งนี้อย่างเป็นทางการค่ะ
เราเดินทางโดย中華航空(สายการบินไชน่าแอร์ไลน์) ค่ะ
หน้าตาอาหารบนเครื่องขาไปค่า ฟรี วีซ่า นั้นทำให้การมาท่องเที่ยวไต้หวันง่ายขึ้นมากเลยนะ
เพราะใช้เพียงหนังสือเดินทาง(Passport) + ใบเข้าเมือง (Arrival Card) แค่นั้น
โดยช่อง ชนิดวีซ่าVisa Type ให้ติ๊กช่อง Visa-Exempt ค่า
แนะนำให้พกใบยืนยันตั๋วขากลับ หรือตั๋วไปประเทศต่อไปพร้อมวีซ่าของประเทศนั้น(ถ้าต้องมี)ไว้ในมือด้วยค่ะ เผื่อเจ้าหน้าที่เรียกดูเพิ่มเติม แต่วันที่เบสท์ผ่านเข้ามาเขาไม่เรียกดูอะไรเพิ่มค่า ^^
พอลงจากเครื่อง ก็มีสื่อทางไต้หวันมารออยู่เยอะเลยค่ะ เรามีรองนางสาวไทยปี 2015 น้องลี่ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไต้หวันเดินทางมาพร้อมคณะ ทำหน้าที่เป็นฑูตความสัมพันธ์ไทยไต้หวันในครั้งนี้
จากสนามบินเถาหยวน เราเดินทางเข้าตัวเมืองไทเป เพื่อร่วมพิธีต้อนรับที่ Taipei City Hallค่ะ อวดป้ายประจำตัว แหะๆ
Taipei City Hall ตั้งอยู่ในย่านซินอี้ ใกล้ๆกับตึก ไทเป101 ค่ะ พิกัดคลิ๊ก
ถึงแล้วววว...臺北市政府 (Taipei City Hall) ถ้าเข้าใจง่ายๆก็ที่ว่าการเมืองไทเปค่ะ (Taipei City Government) ลานด้านหน้าของตึกเป็นที่ตั้งเวทีคอนเสิร์ตเคาท์ดาวน์ของทุกปีด้วยนะคะ
ทางด้านเวทีเขากำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่ เลยมีเวลาเดินเล่นกันก่อน เบสท์มาที่นี่ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกโดยบังเอิญเมื่อ6ปีก่อน สมัยที่รถไฟฟ้าสายสีแดงยังมีไม่ถึงตึกไทเป101 ก็ต้องนั่งสายสีน้ำเงินลงสถานี ซิตตี้ฮอลล์แล้วเดินมาที่ตึก ก็จะผ่านที่นี่ตอนนั้นมีงานแสดงผลิตภัณฑ์อาหารที่โถงตรงนี้ ก็เลยแวะเข้ามาชม อีกครั้งเมื่อปีที่แล้วตั้งใจมาเพื่อเข้าชม
台北探索館 (Discovery Center of Taipei) ที่มีห้องจัดแสดงประวัติและเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ เมืองไทเปอยู่ที่ซิตตี้ฮอลล์แห่งนี้ค่ะ อันนี้แนะนำเพื่อนๆที่ชื่นชอบแนวพิพิธภัณฑ์เรื่องราวและประวัติศาสตร์ลองแวะชมกันได้นะคะเข้าจากหน้าตึกอยู่ด้านขวา มีทั้งหมด4ชั้น เข้าชมฟรีทุกวันเวลา 9:00-17:00(ปิดวันจันทร์)
ส่วนด้านซ้ายถ้าเข้ามาจากหน้าตึกจะเป็นร้านของที่ระลึกค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนที่เบสท์เคยแวะมา จะแค่เล็กๆ แอบเห็นมีตราปั๊มให้ปั๊มน่ารักดี แต่รอบนี้ไม่ได้พกสมุดมา > < !
ไปเห็นป้ายอันนี้มา เป็นป้ายหน้าลิฟท์ของหน่วยงานเกี่ยวกับชนเผ่าดั้งเดิมของไต้หวัน เป็นไม้และมีลวดลายสไตล์ชนเผ่า สะท้อนถึงความใส่ใจและใส่ความมุ๊งมิ๊งแบบไต้หวันจริงๆ
อันนี้เป็นจุดบริการ ตรวจวัดความดันด้วยตนเองค่ะ เบสท์เคยเห็นตามวัดบางแห่ง สถานีรถไฟฟ้าบางจุด หรือร้านสะดวกซื้อบางสาขา แต่จะไม่ครบวงจรขนาดนี้ค่ะ
ใกล้ได้เวลาแล้ว เริ่มมีสื่อจากสำนักต่างๆมาตั้งกล้องกันแล้ว
ไมค์ของแต่ละช่องมาประจำการติดลำโพง^^
นอกจากการกล่าวต้อนรับจากหลายภาคส่วน อาทิ ท่านผู้ว่าการไทเป การท่องเที่ยวไทเป
สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ น้องลี่ก็ได้มีโอกาสสอนท่านผู้ว่าการไทเปกล่าวต้อนรับเป็นภาษาไทย
"ยินดีต้อนรับสู่ไทเป" โดยมีคาราโอเกะน่ารักๆเป็นโพยให้ท่านผู้ว่าด้วยค่ะ(บรรทัดกลาง)
และยังมีการร่วมร้องเพลง 月亮代表我的心(แสงจันทร์แทนดวงใจฉัน) ซึ่งเป็นเพลงของนักร้องไต้หวันที่เป็นที่รู้จักดีสำหรับคนไทยอย่างเติ้งลี่จวินอีกด้วยค่ะ โดยทางไต้หวันยังมีการจัดหา เนื้อร้องเวอร์ชั่นภาษาไทยไว้ด้วย ซึ่งคนไทยอย่างเบสท์บอกเลยค่าว่าเพิ่งเห็นครั้งแรกเลย^^
ขณะที่บนเวทีกำลังช่วยกันร้อง ทีมงานของการท่องเที่ยวไทเปก็ช่วยกันบิ้วอยู่ด้านล่าง น่ารักดีค่ะ
สุดท้ายก็มีการเก็บภาพร่วมกันระหว่างทางไต้หวันและคณะจากทางไทยค่า
จากนั้นก็เดินทางไปที่โรงแรม Mandarin Oriental Taipei ค่า
โรงแรม台北文華東方酒店 Mandarin Oriental Taipei หรูหราไม่กล้าเข้าจริงๆ แหะๆ ^^ พิกัดคลิ๊ก
นอกจากจะได้มีโอกาสเข้าพักที่นี่แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากทางโรงแรมนำเดินชมส่วนต่างๆของโรงแรมด้วยค่า กว้างขวางมากจริงๆ ชมภาพส่วนต่างๆภายในโรงแรมและในห้องพักที่เบสท์เก็บมาฝากได้เพิ่มเติมได้ที่นี่คลิ๊ก
ภายในห้องนั้น มีของว่างและผลไม้ต้อนรับ สีแดงข้างๆแอปเปิ้ลเป็นลูกพีชสด อร่อยมากเลยค่า ส่วนองุ่นก็รสชาติดีเท่าที่เคยทานมาเลย ปกติจะไม่ค่อยเจอหอมกลิ่นองุ่นขนาดนี้ ปลื้มสุดๆ
ของที่ระลึกเป็นโปสการ์ดที่เขียนด้วยลายมือและพัดลายผีเสื้อซึ่งเป็นสัญลักษณ์เฉพาะสำหรับสาขาไทเป เนื่องจากไต้หวันนั้นเคยได้รับการขนานนามว่า อาณาจักรผีเสื้อ นั่นเอง
วันรุ่งขึ้น (2สิงหาคม) มาทานอาหารเช้ากันค่าา
อาหารเช้า มีให้เลือกเยอะมากค่ะ มีทั้งตักเองและสั่งตามเมนูค่ะ
ทานอาหารเช้าเรียบร้อย
ก็เตรียมตัวเข้าร่วมการสัมมนาระหว่างผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวไต้หวันค่ะระหว่างทางเดินไปห้องจัดสัมมนาค่ะ จากภาคพื้นดินเราลงบันไดเลื่อนไปถึงสองชั้นเลย
การตกแต่งสวยงามตลอดทางจริงๆจ้าา
ลงทะเบียนเข้างานเรียบร้อยก็เข้ามาด้านในค่ะ เบสท์เข้าร่วมงานครั้งนี้ในฐานะ
บล็อกเกอร์จากไทย ส่วนใหญ่ก็เก็บภาพและทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ร่วมสัมมนา ^ ^
งานครั้งนี้ทางคณะที่ไปจากไทยและผู้ประกอบการธุระกิจท่องเที่ยวทางไต้หวัน
ได้มีโอกาสทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนข้อมูลในธุระกิจซึ่งกัน
ทั้งนี้เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับไต้หวันค่ะ
ช่วงแนะนำการท่องเที่ยว ขนาดมาไต้หวันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ได้ชมภาพวีดิโอ
ที่เขาจัดมาเปิดยังอยากไปแล้วไปอีกเลยค่ะ
เสร็จเรียบร้อยครึ่งวันเช้า ต่อไปก็เป็นเวลาเที่ยวกันแล้วค่าาาา
ก่อนอื่นไปทานมื่อกลางวันกันที่ร้าน 點水樓 (Dian Shui Lou) สาขาใกล้ไทเปเมนค่ะ
จะเดินจากไทเปเมนหรือซีเหมินก็ใกล้พอๆกันค่ะ พิกัดคลิ๊ก
แต่นแตนแต๊นนน...เสี่ยวหลงเปา อาหารขึ้นชื่ออีกเมนู ที่เมื่อมาเยือนไต้หวันแล้วไม่ควรพลาดค่ะ นอกจากด้านนอกที่เป็นสีเขียวจะแปลกตาแล้ว ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ไส้ด้านในส่วนที่เป็นน้ำซุปเป็นชาอู่หลงด้วยค่ะ
เมนูนี้แอบเลี่ยนนิดหน่อยค่ะ
เมนูนี้เป็นมะม่วงผัดกุ้งค่ะ รสชาติแปลกใหม่ดีค่ะ
เมนูนี้ส่วนตัวชอบนะคะ เป็นวุ้นเส้น ผัดหรือเปล่า??? หรือนึ่ง??? ทานแล้วไม่ค่อยรู้อ่ะค่ะ แหะๆ
ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินทางไปเที่ยวชมตามโปรแกรมที่ทางการท่องเที่ยวไทเปได้จัดไว้ค่ะ เริ่มจาก ถนนเส้นที่เบสท์ชอบมากๆเส้นหนึ่งในใจกลางเมืองไทเป
ถนนเส้นนี้เรียกว่า ถนนตี๋ฮว่าค่ะ พิกัดคลิ๊ก
迪化街 (ตี๋ฮว่าเจีย) Di Hua Street เป็นถนนที่มีความเก่าแก่กว่า150ปี ตั้งอยู่ในย่านที่เรียกว่า
ต้าเต้าเฉิง โดยถนนตี๋ฮว่าในอดีตนั้นเป็นแหล่งค้าใบชา ยาจีน ที่สำคัญของไต้หวัน
จนในยุคต่อๆมา ก็มีการค้าของแห้ง มากมายหลากหลาย และมีตลาดผ้าที่เรียกว่า ตลาดหย่งเล่อ จนมาถึงปัจจุบันที่นี่เป็นถนนที่มีคนไทเปมาจับจ่ายของไหว้สำหรับเทศกาลต่างๆมากที่สุดค่ะ
ตึกที่นี่สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ เบสท์ชอบมาเดินดูตึกที่นี่มาก แล้วก็ซื้อของแห้งกลับเมืองไทยด้วย
เห็นขึ้นชื่อว่าเป็นถนนเก่า แต่ใช่ว่าจะมีแต่ของเก่าๆดูโบราณๆ(แต่เราชอบนะ ^^) อย่างเดียว
ที่นี่ยังมีร้านค้าที่มีไอเดียน่ารักๆ ตามซอกซอยไม่น้อยเลยค่ะ
รองเท้าเด็กน่ารักมั๊ยเอ่ย
เสี่ยวหลงเป่าเวอร์ชั่นทานไม่ได้ แต่ใช่ได้นะค๊า ที่นี่ มีของน่าซื้อหลายอย่างค่ะ
อาคารเก่าๆสวยๆก็เยอะ ไว้จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับตลาดแห่งนี้โดยเฉพาะในโอกาสต่อไปนะคะ
เสร็จจากถนนตี๋ฮว่า ทางคณะเดินทางต่อไปที่เป่ยโถว เพื่อแช่น้ำแร่และทานอาหารเย็นกัน แต่เบสท์แยกออกมา (เพราะไปเป่ยโถวหลายครั้งมากแล้วจริงๆ > <) แล้วเลือกไปดูนิทรรศกาลที่ Hua Shan 1914 แทนค่ะ (เป็นที่ๆไปหลายครั้งเหมือนกันแต่เพราะมีนิทรรศกาลผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆเลยได้มาหลายครั้งค่า) รอบนี้ไปดู นิทรรศการ studio-ghibli คลิ๊ก
คืนที่สองเราพักกันที่โรงแรม 德立莊酒店 Hotel Midtown Richardson ค่ะ พิกัดคลิ๊กที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่ที่อยากแนะนำคือทำเลค่ะ เพราะใกล้สถานีรถไฟฟ้าซีเหมินมาก (เป็นฝั่งที่มีบันไดเลื่อนต่อเดียวถึงด้วย)
ไม่มีภาพมาฝากนะคะพอดีคืนนั้นเหนื่อยมาก(เพราะไปช็อปขนมที่คาร์ฟูยันเที่ยงคืน แหะๆ)เลย ไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่า รูปในอินเตอร์เน็ตหาดูได้เยอะอยู่นะคะ อาหารเช้าที่นี่เป็นแซนวิทส่งให้ที่ห้องค่ะ
เช้าวันที่สามของทริป ที่แรกที่เราไปคือวัดหลงซานค่ะ พิกัดคลิ๊ก
龍山寺 วัดหลงซาน Long Shan Temple เป็นวัดที่เก่าแก่วของไต้หวัน มี 6 สาขาทั่วไต้หวัน สำหรับสาขาในตัวเมืองไทเป เป็นสาขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด สร้างขึ้นเมื่อปี1738
ตั้งอยู่ที่เขต Wanhua หรือคนไต้หวันนิยมเรียกย่านนี้เหมือนสมัยอดีจว่า "หมงเจี่ย"ค่ะ
มุมด้านข้างวัดเป็นอีกมุมที่น่าไปเก็บภาพเก๋ๆนะคะ ยืนผิงอิฐแดงสุดฮิตอย่าลืมไปจัดกันนะจ๊าาา
ต่อจากวัดหลงซานเราก็ไปวัดอีกหนึ่งแห่ง คือ ต้าหลงต่ง"เป่าอันกง" ค่ะ
大龍峒保安宮 (ต้าหลงต่ง เป่าอันกง) สร้างขึ้นเมื่อปี 1742 ตั้งอยู่ในเขตต้าถง ไทเปซิตตี้ค่ะ
วัดเป่าอันกงสาขานี้ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หยวนซาน Yuan Shan สายสีแดงค่ะ ให้ออกประตู2 แล้วเดินตรงมาตามถนน Kulun มาประมาณ500เมตร พอเจอน้องลิงปิดหู ปิดตา ปิดปาก (รูปแรกของบทความนี้) ก็เลี้ยวขวาเข้าถนน Da long ก็ถึงแล้วค่ะ
ใกล้ๆ(วัด)เปาอันกง ก็มีศาลเจ้าข๊งจื๊อ(ข่งจึเมี่ยว)ด้วยนะคะ
เนื่องจากมีเวลาเหลือก่อนเวลาอาหารกลางวัน เลยแวะไปชม โรงแรมหยวนซานกันค่ะ
โรงแรมหยวนซาน เป็นโรงแรมที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน สวยงามทั้งภายนอกและภายในค่ะ
ภายในของชั้นล่างสามารถเข้าไปเดินชมกันได้นะคะ แล้วสามารถขึ้นบันไดตรงกลางแล้วเดินอ้อมขึ้นมาเดินชมด้านหลังได้ด้วยค่ะ
โถงทางเดินด้านหลังตรงนี้ จัดแสดงภาพบุคคลสำคัญที่ทางโรงแรมได้รับรองจากอดีตถึงปัจจุบัน
ที่นี่ มีภาพเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชนีนาถเสด็จเยือนไต้หวันด้วยค่ะ
ชมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปทานกลางวันกันค่าาา
ร้านนี้มีชื่อว่า 丸林滷肉飯 (หวานหลินหลู่โร่วฟ่าน) ค่ะ พิกัดคลิ๊ก
พอเข้าไปจะเจอบรรยายกาศเป็นสไตล์ร้านข้าวแกงค่ะ กับข้าวน่าทานทั้งนั้นเลย
หากลงบันไดมาชั้นล่างจะเป็นสั่งทานเป็นเมนูๆ โต๊ะลักษณะโต๊ะจีนค่ะ
อาหารบางส่วนที่ทานกันค่ะ
ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ข้าวหมูพะโล้ (หลู่โร่วฟ่าน) ที่เป็นอาหารที่เปรียบเหมือนเมนูกระเพราสำหรับคนไทย คิดไม่ออกจะกินอะไร หลู่โร่วฟ่านไง ^^ พอดีมาถึงก็ทานเลยไม่ได้ถ่ายภาพไว้ค่ะ แหะๆ
ทานเสร็จแล้ว เราเดินทางกันไปที่ 誠品生活松菸店 Eslite Spectrum พิกัดคลิ๊ก
誠品Eslite เป็นที่รู้จักกันในฐานะร้านหนังสือ แต่จริงๆแล้ว Eslite มีห้างสรรพสินค้า
แนวไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโรงหนัง ร้านอาหาร ร้านหนังสือ
และที่น่าสนใจที่สุดคือสินค้าจากดีไซด์เนอร์รุ่นใหม่ที่เก๋ไก๋มีสไตล์ค่ะ
นอกจากจะมีสินค้าจำหน่ายแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับท่านที่ต้องการทำผลงานศิลปะของตัวเองด้วยค่ะ
ด้านนอกห้างนั้นเป็นบริเวณที่เรียกว่า 松山(ซงซาน)文創園區
Songshan Culture and Creative Park
ที่นี่ เดิมเป็นโรงงานยาสูบค่ะ คนไต้หวันมักเรียกกันว่า ซงเหยียนค่ะ
ปัจจุบันที่นี่เป็นอีกแหล่งจัดแสดงนิทรรศกาล กิจกรรม และงานศิลปะในไทเปค่ะ
จากซงเยียน เราไปต่อกันที่แลนด์มาร์คของไทเป ไทเป101 กันค่าา พิกัดคลิ๊ก
เราสามารถซื้อบัตรขึ้นชั้นชมวิว (88-91) ได้ที่5ชั้น ของตึกค่ะ ชมTaipei101ได้เพิ่มที่นี่คลิ๊ก
ลิฟท์ที่นำเราขึ้นสู่ชั้นชมวิวนั้น เป็นลิฟท์ที่เร็วที่สุดในโลก
ในสภาพสภาวะอากาศปกติ ใช้เวลาเพียง37 วินาทีเท่านั้นในการขึ้นถึงชั้น 89 ค่ะ
นี่เป็นการขึ้นชั้นชมวิวครั้งที่ 6 ของเบสท์แล้ว เหอะๆ พาญาติพี่น้องผองเพื่อนมาเที่ยวหลายรอบ ก็เลยได้ขึ้นเป็นเพื่อนหลายรอบเลย
แต่ทุกครั้งที่ขึ้นมา(2010-2016) ด้านบนนี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปที่ละเล็กทีละน้อยค่ะ
เก็บภาพน้อง Damper เวอร์ชั่นพิเศษที่เพิ่งมีต้นรับปีลิงปีนี้ค่ะ
ต้องแวะทุกครั้งคือร้านของที่ระลึกด้านบนค่ะ (ชั้นล่างของตึกก็มีนะคะ) ทุกครั้งก็จะได้ของ ติดไม้ติดมือมา รอบนี้ได้ช็อคโกแลตรูปตึกมา น่ารักมาเลย(แต่แอบรสชาติธรรมดานะคะ^^)
ลงจากตึกเรียบร้อยก็ไปกันต่อที่
ห้างซินกวงซานเยว่ 新光三越 信義新天地A11 (shinkong mitsukoshi) พิกัดคลิ๊ก
ซึ่งอยู่ในย่านซิ่นอี้ (Xin Yi)เช่นเดียวกันกับตึกไทเป101 ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของไทเปค่ะ
ตรงย่านซิ่นอี้นี้ มีห้าง shinkong mitsukoshi หลายอาคารติดๆกันเลยค่ะ ทั้งA4 A8 A9 A11 แล้วยังมีห้างอื่นๆอีกค่ะ ทางเจ้าหน้าห้างพาเราขึ้นไปชมชั้นบนของA11ซึ่งเป็นที่แสดงละครเวทีค่ะ
ตรงลานตรงกลางที่เชื่อมอาคารต่างๆ เจอพี่ช้างจากไทย ยังไปช็อปที่ไทเปเลยนะคะ ^^
(เป็นนิทรรศกาลกลางแจ้งชั่วคราวค่ะ)
เรียบร้อยแล้วก็ไปทานมื้อเย็น เป็นหม้อไฟ ซึ่งเป็นอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาไต้หวันเช่นกัน
ร้านที่ไปทานกัน ชื่อร้าน 小蒙牛 Little Mongolian สาขาที่ไปทานเป็นแถวไทเปเมนค่ะพิกัดคลิ๊ก
คืนสุดท้ายพักกันที่ 富藝旅台北大安 Folio Daan ย่านต้าอันค่ะ ทำเลเรื่องใกล้รถไฟฟ้าถือว่าใช้ได้เลยค่ะ ลงสถานีต้าอัน ออกประตู4 เดินเท้า 100เมตรค่ะ พิกัดคลิ๊ก
ด้านในตกแต่งน่ารักมีสไตล์ดีค่ะ
อาหารเช้าของที่นี่ เขาจะมีให้สั่งจานหลักท่านละ 1 ที่ มีให้เลือกตามภาพ 3เมนูนี้ค่ะ
แล้วก็มีส่วนที่เป็นบุปเฟ่ อย่างพวก ขนมปัง ข้าวต้มและกับข้าวแบบจีน เครื่องดื่มและผลไม้ค่ะ
ทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางไปสนามบินเถหยวนค่ะ
ครั้งนี้มีโอกาสดีๆ ได้เข้าเลานจ์ของทาง ไชน่าแอร์ไลน์ ด้วยค่ะ ด้านในหรูหราแบบมีสไตล์มากค่ะ เข้ามาจะผ่านห้องต่างๆที่จัดเตรียมไว้ให้บริการ เดี๋ยวจะพาทัวร์นะคะ เราเข้าไปด้านในหาที่นั่งกันก่อนจ้าา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น